สารอันตรายในยาลดน้ำหนัก “ไซบูทรามีน”

รูปลักษณ์ของร่างกายเป็นสิ่งที่คนหลายคนให้ความสนใจและอยากมีบุคลิกภาพที่ดี อย่างไรก็ตามก็มีคนไม่น้อยที่พยายามหาทางลัดในการรักษารูปลักษณ์ หนึ่งในตัวแปรที่กำหนดรูปลักษณ์ที่มีความสำคัญคือน้ำหนักของร่างกาย

แม้ว่าหนทางที่ดีในการลดน้ำหนักจะมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายหรือการควบคุมอาหารในหลากหลายรูปแบบ แต่ก็ยังคงมีคนอีกมากที่พยายามหาทางลัดในการลดน้ำหนัก และด้วยความต้องการที่ว่าทำให้มีการเชื่อในเรื่องของการใช้ยาลดน้ำหนัก

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ยาลดน้ำหนักที่ผิดกฎหมาย
โดย สำนักคณะกรรมการอาหารและยา

จากกรณีที่มีผู้ใช้ Facebook ได้โพสต์เรื่องราวการใช้ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนยี่ห้อหนึ่งที่บนกล่องเขียนข้อความว่า “อิ่มตลอด ไม่มีหิว” ปรากฎว่าเมื่อทานเพียง 1 เม็ด กลับมีอาการใจสั่น, อาเจียน, พะอืดพะอม, เวียนหัวและไม่มีแรง โดยเมื่อไปตรวจสอบทีหลังพบว่าในยามีส่วนประกอบของ ไซบูทรามีน

ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสารไซบูทรามีน
ภาพจากเวปไซต์ คณะกรรมการอาหารและยา

ไซบูทรามีน มีคุณสมบัติออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ลดการทำลายสารสื่อประสาทอย่าง ซิโรโทนิน, นอร์อีพิเนฟริน และโดปามีน ทำให้สารเหล่านี้ทำงานนานขึ้น จึงส่งผลทำให้มีความรู้สึกไม่หิวหรืออิ่มเร็วขึ้น ใช้เพื่อรักษาโรคอ้วน หรือรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องของการลดน้ำหนัก หรือลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกาย

ตัวยาไซบูทรามีนมีผลข้างเคียงที่อันตรายต่อร่างกาย หากนำไปใช้ หรือทานอย่างไม่ถูกวิธี จึงถูกยกเลิกทะเบียนตำรับไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2553 และถูกยกระดับขึ้นเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 1 ผู้ใด ผลิต นำเข้า หรือส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีไซบูทรามีนเป็นส่วนผสมจะมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปี และ ปรับถึง 2 ล้านบาท

เมื่อทราบถึงผลข้างเคียงที่รุนแรงรวมถึงตัวสารออกฤทธิ์ที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหากคุณต้องการที่จะใช้ชีวิตต่ออย่างปกติจึงควรที่จะใช้วิธีที่ถูกต้องในการลดน้ำหนักที่ถูกต้องดังที่ผู้เขียนได้กล่าวไว้ข้างต้น เพื่อที่จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีคุณภาพและความสุข

ภาพจาก http://www.nicetofit.com

อ้างอิง : https://www.sanook.com/health/14265/

https://www.thairath.co.th/news/society/1280976

ยา En- Dex และการใช้ยาสัตว์ในคน

ยาเป็นปัจจัยที่สำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิตตราบเท่าที่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นยังเจ็บป่วยได้ สัตว์เองก็เช่นกันก็จะมียาสำหรับสัตว์ ที่มีการควบคุมมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ เช่นเดียวกับมนุษย์ การใช้ยาสัตว์ที่ไม่ได้มาตรฐานก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรเช่นเดียวกับการใช้ยาของมนุษย์

จากกรณีที่มีข่าวว่ามีแพทย์สั่งให้ญาติผู้ป่วยนำยาถ่ายพยาธิของสุนัขมาใช้กับคนไข้แล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมา ปัจจุบันได้มีสัตวแพทย์ออกมาเตือนถึงการใช้ยา En-Dex ที่มีผลข้างเคียงที่อันตรายต่อทั้งคนและสัตว์ เป็นยาที่ไม่ได้มาตรฐาน

ยา En-Dex สำหรับขับพยาธิและเห็บหมัดในสัตว์ เป็นยาที่ไม่ควรนำมาใช้เพราะไม่ได้มาตรฐาน : ภาพจาก https://www.dogilike.com/content/vettalk/7309/

ดังที่กล่าวไว้การใช้ยาสัตว์ในคนแม้จะเป็นอาการเดียวกันเป็นสิ่งที่ไม่ควร เนื่องจากยาสัตว์มีการควมคุมมาตรฐานของสารประกอบและการผลิตที่แตกต่างจากมนุษย์ การนำมาใช้จะมีผลเสียจากรูปแบบของร่างกายและการออกแบบให้ออกฤทธิ์ต่อเนื้อเยื่อที่แตกต่างจากที่ออกแบบไว้กับสัตว์ และต่อให้เป็นการใช้กับสัตว์ก็ควรตรวจสอบทะเบียนและมาตรฐานของยาเช่นกัน

อ้างอิงข่าว : https://www.thairath.co.th/news/local/central/1417006

กิจกรรมตามหาศิษย์พี่

การเริ่มต้นใช้ชีวิตในรั้วเขียวมะกอก สิ่งสำคัญคือการรู้หนทางในภายภาคหน้าพวกเราทุกคนล้วนสามารถเรียนรู้ได้ผ่านวิถีชีวิตของผู้ที่อยู่มาก่อน เพื่อที่จะได้รับฟังและนำมาเตรียมตัวเผชิญกับสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

สำหรับส่วนของบทความนี้จะเป็นการสัมภาษณ์เภสัชกรซึ่งเคยผ่านการฝึกงานและกำลังทำงานอยู่ ในทั้งสาขาบริบาล และอุตสาหการ

รุ่นพี่คนที่ 1 – พี่แน้ก การบริบาลทางเภสัชกรรม รหัส 57

น้อง : สวัสดีครับพี่แน้กขอเริ่มถามคำถามเลยนะครับ ปัจจุบันทำงานอะไรอยู่ครับ?

พี่แน้ก : ครับสวัสดีครับ ตอนนี้เป็นเภสัชกรร้านยาครับ ตำแหน่งเภสัชกรปฏิบัติงาน

น้อง : อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เลือกสายอาชีพเภสัชกรเหรอครับพี่?

พี่แน้ก : ก็ไม่มีอะไรมากครับ (หัวเราะ) แค่สอบติดแล้วก็คิดว่าเงินดีมีงานทำแค่นั้นเองครับ

น้อง : โห ถ้าอย่างนั้นต้องมีช่วงที่รู้สึกว่าลำบากแน่ๆ พี่เคยรู้สึกลำบากใจที่สุดในการเป็นเภสัชกรตอนไหนเหรอครับ

พี่แน้ก : ครับ ก็คงเป็นตอนที่ต้องคุยกับลูกค้าที่ High educated แต่พูดด้วยไม่รู้เรื่องนี่แหละครับ แต่ยังไงเราก็ต้องให้เขาเข้าใจครับว่าเราเจตนาดีและเป็นห่วงชีวิตเขาส่วนจบสวยหรือไม่สวยนี่ก็อีกเรื่อง (หัวเราะ) เราแค่ทำหน้าที่ของเราครับ

น้อง : การเริ่มต้นของพี่อาจจะดูง่ายๆ แต่ถ้าพี่มาขนาดนี้แล้วก็คงมีความฝันเป้าหมายปลายทางรึเปล่าครับ?

พี่แน้ก : เอ่อ ถ้าตอนนี้ก็คงจะเป็นเปิดร้านยาของตัวเองสัก 5 สาขาละมั้งครับ แล้วบริหารเอา

น้อง : ก็คงออกไปในเชิงธุรกิจสินะครับ ถ้างั้นพี่คิดว่าผลจากระบบทุนนิยมที่หวังผลกำไรจากการลงทุน มีผลกับการประกอบอาชีพในฐานะเภสัชกรมากน้อยแค่ไหนครับ?

พี่แน้ก : ในมุมมองพี่มันมีผลกับทุกอาชีพนั่นแหละแล้วก็กับเภสัชกรทุกสายงานด้วย เพียงแต่ยาเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตอยู่แล้ว ก็จะโดนผลในด้านนี้น้อยหน่อย

น้อง : จากเป้าหมายที่พี่วางดูทรงแล้วน่าจะต้องข้องเกี่ยวการบริหารคนเยอะนะครับ ถ้างั้นในมุมมองของพี่ พี่คิดว่าระหว่างเป้าหมายของงาน กับความเห็นใจคน อะไรสำคัญมากน้อยในแง่ไหนบ้างครับ?

พี่แน้ก : อันนี้คงต้องดูเป็น Case by case ไปนะ แต่ถ้าเป็นพี่ก็คงเลือกไม่ให้อะไรมันกระทบเป้าหมายหลักมากเกินไปก่อนแหละ

น้อง : แล้วพี่ว่าพี่ได้ใช้ความรู้ของเภสัชกรในการช่วยอธิบายให้ความรู้คนทั้งลูกค้าหรือคนใกล้ชิดมากรึเปล่าครับ

พี่แน้ก : มากรึเปล่าไม่แน่ใจ แต่ถือว่าบ่อยเลยแหละครับ (หัวเราะ)

น้อง : ครับผม คำถามสุดท้ายแล้วครับพี่ ขอบคุณที่สละเวลามาให้ความรู้ครับสุดท้ายนี้ขอให้พี่ฝากหน้าที่ของเภสัชกรสักสามข้อได้มั้ยครับ

พี่แน้ก : ครับ ก็คงเป็นการดูแลความปลอดภัยด้านการใช้ยาให้เหมาะสมกับโรค ให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องยากับชุมชน แล้วก็ป้องกันการดำเนินไปของโรคครับ

รุ่นพี่คนที่ 2 พี่ปัน เภสัชอุตสาหการ รหัส 57

น้อง : สวัสดีครับพี่ปัน ขออนุญาตเริ่มการสัมพาษณ์เลยนะครับ ปัจจุบันพี่ทำงานอะไรเหรอครับ

พี่ปัน : สวัสดีค่า ปัจจุบันทำงานผู้จัดการร้านขายยาเทสโก้ โลตัส ฟาร์มาซี สาขารามอินทรา109 ค่า

น้อง : เป็นเมเนเจอตั้งแต่เรียนจบเลยเหรอครับ (หัวเราะ) แล้วสำหรับพี่อะไรคือสิ่งที่ทำให้เริ่มต้นสายอาชีพเภสัชเหรอครับ?

พี่ปัน : ตอนเด็กม.ปลายเราก็ไม่ได้คิดอะไรมากอ่ะเนอะ แค่อยากเรียนพวกอาชีพสายวิทย์สุขภาพอะไรก็ได้ ได้ช่วยเหลือคนนางเอกนิดหน่อยแต่จริงๆนะ แล้วก็รู้สึกว่าเป็นอาชีพที่ค่อนข้างมั่นคง พ่อแม่น่าจะภูมิใจ (หัวเราะ) จบมาไม่ตกงาน รายได้ก็โอเคเลี้ยงครอบครัวพ่อแม่ได้

น้อง : แต่ว่าตอนนี้ก็คงเจออะไรมามาแล้ว เรื่องไหนเป็นเรื่องที่ลำบากใจที่สุดในการเป็นเภสัชกรเหรอครับ?

พี่ปัน : สิ่งที่ลำบากใจที่สุดในการเป็นเภสัชกรสำหรับงานเภสัชร้านยาตอนนี้ คือ การเลือกยา การจ่ายยาในแต่ละครั้งแต่ละเคสมันค่อนข้างสำคัญอาจจะถึงชีวิตของผู้ป่วยได้ ดังนั้นกต้องให้ความสำคัญกับทุกเคส แล้วเราก็ต้องมีการสื่อสารกับผู้ป่วยในแต่ละราย ซึ่งแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันบางคนก็ดี๊ดี บางคนก็มนุษย์ป้ามนุษย์ลุงเลย เราก็ต้องมีกสรควบคุมอารมณ์และสติให้ดี

น้อง : ถ้าพี่มีอำนาจมากพอในการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง พี่อยากจะทำอะไรเหรอครับ?

พี่ปัน : ถ้ามีอำนาจมากพอ สิ่งที่อยากทำ คือ อยากส่งเสริมให้ประชาชนเห็นถึงบทบาทความสำคัญของเภสัชกรอย่างแท้จริงแล้วก็อยากทำให้เภสัชมีบทบาทที่สำคัญอย่างแท้จริง จริงๆด้วย คือถ้าถามคนส่วนใหญ่บางทีก็คิดว่าแค่จ่ายยาตามหมอสั่ง แต่ไม่ทราบถึงบทบาทว่าแบบกว่าจะเป็นยาตัวหนึ่งๆ เราก็มีส่วนสำคัญเยอะเลย

น้อง : อยากให้เภสัชกรอยู่หน้าม่านในสายตาของคนนอกมากขึ้นสินะครับ แล้วต่อจากนี้พี่วางแผนจะทำยังไงต่อเหรอครับ?

พี่ปัน : ก็คงทำงานนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งงานแรกมันก็ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตอ่ะเนอะ ชีวิตเราต้องเดินต่อไปอีกไกลล ถ้าทำแล้วมีความสุขก็คงทำไปยาวๆ แต่ถ้าไม่ใช่ก็อาจจะออกมาเรียนต่อไม่ก็เปลี่ยนสายงาน

น้อง : เห็นพี่ปันบอกว่าพี่ปันทำงานร้านยา แปลว่าระบบทุนนิยมน่าจะส่งผลมากที่สุดในบรรดาเภสัชกรด้วยกัน สำหรับพี่ระบบทุนนิยมที่หวังผลกำไรจากการลงทุนมีผลกระทบกับอาชีพพี่แค่ไหนเหรอครับ?

พี่ปัน : ยิ่งตอนนี้เศรษฐกิจแบบนี้ธุรกิจหลายอย่างก็ยิ่งต้องเน้นการทำกำไรแต่ลดต้นทุนให้บริษัทตัวเอง เราคิดว่ามีผลนะแต่อาจจะเพราะเพิ่งเริ่มเข้ามาทำงานทำให้ยังไม่ค่อยเห็นถึงบทบาทในจุดนี้มาก แต่ที่เห็นได้ง่ายๆสำหรับร้านยาก็คือการจ่ายยาที่พยายามให้ราคาสูงขึ้นให้ราคาต่อบิลเพิ่มมากขึ้นซึ่งไม่เหมือนกันกับพวกร้านยาที่คณะที่จะจ่ายแบบ rational drug use แต่ในชีวิตจริง ก็ต้องพยายามขายให้ราคาสูงๆเพื่อความอยู่รอดของร้าน

น้อง : แปลว่าต้องทำงานค่อนข้างฝืนใจกับทั้งตัวเองกับเพื่อนร่วมงานนะครับ แล้วพี่มองว่าเป้าหมายของงานกับความเห็นใจคนร่วมงาน อะไรสำคัญมากน้อยกว่ายังไงบ้างครับ?

พี่ปัน : เราว่ามันสิ่งที่ต้องจัดการให้สมดุลทั้งความเห็นใจและเป้าหมาย คือเราเองก็เป็นคนที่เห็นใจคนมากๆ เป็นสิ่งที่ควรแก้ไข เพราะไม่งั้นสุดท้ายเราจะเหนื่อย งานไม่เดิน งานหนักที่เรา แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะมุ่งแต่เป้าหมายอย่างเดียวมันไม่ได้ เพราะคนเราจะประสบความสำเร็จได้คือส่วนนึงมันมาจากตัวเราเอง จากความสามารถของเรา แต่อีกส่วนคือเราก็ต้องมีการร่วมงานเป็นทีม ประสานงาน ติดต่อสื่อสาร หรือแม้แต่การทำงานกับลูกค้า/ผู้ป่วย ซึ่งความเห็นใจมันเป็นพื้นฐานหนึ่งที่มนุษย์ควรมีอ่ะ แต่หากเราไม่สนใครเอาตัวเองเป็นหลัก มันก็ไม่มีใครอยากจะช่วยเหลือเราเหมือนกันเวลาเราลำบาก จนสุดท้ายมันก็ไม่บรรลุเป้าหมายอ่ะ มันจะแบบโดดเดี่ยวเดียวดายบนกองงา

น้อง :ในฐานะเภสัชกรแล้วพี่ได้ใช้ความรู้ในการอธิบายลูกค้าหรือคนใกล้ตัวบ่อยมั้ยครับ?

พี่ปัน : ได้ใช้ ได้ใช้เยอะมากยิ่งเฉพาะร้านยา เราว่าได้ใช้มากกว่าโรงพยาบาลอีกก คือบางคนเค้าไม่รู้แบบไม่รู้จริงๆ แล้วพอเราแนะนำให้เค้า หรือเค้ากินยาที่เราให้ไปแล้วหาย คือมันแบบรู้สึกดีอ่ะ แบบอันนี้จากประสบการณ์ที่เจอคือลูกค้าแบบขอกอดเรา ซื้อขนมมาให้เรา หรือแค่แบบถามเราว่าน้องมาทำวันไหน เวลาไหนให้คำแนะนำดีมากพี่จะได้มาหาอีก อะไรอย่างงี้อ่ะคือรู้สึกดีมากก (หัวเราะ)

น้อง : เป็นคำตอบที่น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆ เภสัชได้หลายๆ คนเลยนะครับ ขอบคุณพี่ปันที่สละเวลามาให้สัมพาษณ์มากครับ ท้ายที่สุดแล้วอยากให้พี่ปันช่วยฝากหน้าที่ของเภสัชในความคิดพี่สักสามอย่างให้น้องๆ ได้รึเปล่าครับ

พี่ปัน : ค่ะสำหรับพี่ก็คงเป็นการสร้างค้นคว้าวิจัยผลิตยา แจกจ่ายยา และดูแลให้คำแนะนำค่ะ

สำหรับการสัมภาษณ์ในหัวข้อนี้ผู้ถูกสัมพาษณ์แม้จะจบมาจากคนละสาขาแต่ก็สามารถทำร้านขายยาได้ทั้งคู่ และทั้งคู่เริ่มต้นการทำงานในสายอาชีพนี้ด้วยเหตุผลเล็กน้อยแต่ก็มีการฝ่าฟันเรื่องราวต่างๆ และยังคงหาเหตุผลให้ตัวเองยังดำเนินไปต่อในสายอาชีพนี้ได้

ถือเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับรุ่นน้องเพื่อนำคำตอบไปใช้เป็นแนวทางหรือการเตรียมใจที่จะพบกับสิ่งที่อาจจะต้องเผชิญในภายภาคหน้า รวมไปถึงได้รับในแง่มุมของกำลังใจและแรงบันดาลใจในการเป็นเภส้ชกรมากขึ้น ซึ่งผู้เขียนขอขอบคุณผู้ใ้ห้สัมพาษณ์เอาไว้ ณ ที่นี้

การใช้ยา Tramadol ในทางที่ผิด

การคัดกรองผู้ป่วยและให้ยาที่เหมาะสมกับอาการป่วยถือเป็นจรรยาบรรณของเภสัชกรที่ทุกคนทราบดี อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีไม่น้อยที่ยังเห็นเงินและผลกำไรสำคัญกว่าชีวิตของผู้รับยา และยังสนับสนุนการจ่ายยาให้ไปใช้ในทางที่ผิด โดยผู้รับยาได้นำไปใช้เป็นสารเสพติด หนึ่งในนั้นคือยาทรามาดอล (Tramadol) หรือที่เรียกกันในชื่อยาเขียวเหลือง

ยาทรามาดอล ภาพจาก เว็บไซต์เชียงใหม่นิวส์

ยาทรามาดอล คือยาที่ใช้บรรเทาอาการปวดปานกลางถึงรุนแรงมากผลข้างเคียงรุนแรง ทำให้มีอารมณ์แปรปรวน มึนงง เคลิ้ม เฉื่อยชาจึงทำให้เกิดการนำไปใช้เป็นสารเสพติด อย่างไรก็ตามหากได้รับยาเกินขนาดจะทำให้เกิดภาวะอื่น ๆ ตามมา เช่น รูม่านตา ระบบหัวใจและหลอดเลือดทำงานล้มเหลว ชัก ระบบการหายใจช้าลงจนอาจถึงขั้นหยุดหายใจ และอาจทำให้ช็อกถึงแก่ชีวิตได้

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กำหนดให้จำหน่ายในร้านขายยาแผนปัจจุบันที่ได้รับอนุญาตและต้องส่งมอบโดยเภสัชกรตามจรรยาบรรณวิชาชีพ โดยห้ามจ่ายเกินครั้งละ 20 เม็ด และห้ามจำหน่ายแก่เด็กอายุต่ำกว่า 17 ปี โดยจะต้องจัดทำบัญชีการซื้อเพื่อป้องกันการนำไปเสพ หากพบการขายโดยไม่ได้รับอนุญาตสามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน โทร.1556

ข่าวอ้างอิง : https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/917761/

อันตรายจากการใช้สินค้าสมุนไพร

การใช้ยาแผนโบราณรักษาเป็นหนึ่งในทางเลือกของการรักษา ของผู้ที่ไม่ต้องการใช้ยาแผนปัจจุบัน อย่างไรก็ตามยาสมุนไพรก็ยังมีส่วนผสมบางประการที่เหมือนกับยาแผนปัจจุบัน หรืออาจมีการปลอมปนสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เสื่อมเสียสุขภาพและชีวิตได้ ถ้าอย่างนั้นต้องทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยในการบริโภค?

จากกรณีที่พบว่ามีการตรวจพบยาสมุนไพรบรรจุขวดที่จังหวัดเชียงราย ว่ามีสารพิษที่ส่งผลต่อตับ เช่น ยอดยาจีน, โสมกลั่น, กระดูกเสือ, ยาดองสองเพศ, ยาแก้ซางตานขโมย และยาธาตุเสริมคุณ เข้าข่ายเป็นยาปลอมที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีการผลิตและจำหน่าย โดยมีสารพิษจากไดคลอโรมีเทน และยังถูกปลอมแปลงฉลากที่แปะบนขวดอีกด้วย

อย่างไรก็ตามการใช้ยาสมุนไพรไม่ได้อันตราย หากซื้อจากร้านขายยาที่มีใบอนุญาตขายยา รวมไปถึงจะต้องปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชก่อนทุกครั้ง

หรือสามารถดูได้จากฉลากยาที่จะระบุชื่อยา, เลขทะเบียนตำรับยา ซึ่งแสดงอักษร g, ปริมาณของยาที่บรรจุ, เลขที่หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิต ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต, วันเดือนปีที่ผลิตยา และแสดงคำว่า “ยาแผนโบราณ” ให้เห็นได้ชัด เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้ยาที่มีคุณภาพได้ อย่างไรก็ตามโครงสร้างในยาแผนโบราณอาจมีผลอื่นๆ กับอาการของบางโรค หรือมีผลกับการออกฤทธิ์ยาอื่นๆ ผู้บริโภคจึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง

อ้างอิงข่าว : https://www.thairath.co.th/news/local/847340

หลัก 3 เก็บ ป้องกันสามโรคจากแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย

ช่วงหน้าฝนเริ่มเข้ามาแล้ว สิ่งที่ตามมานอกจากพายุฝนก็คือยุงที่เกิดมากขึ้นจากจำนวนแหล่งน้ำซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมียุงสายพันธุ์ที่เป็นพาหะของโรคต่างๆ อยู่ ก็คือยุงลายบ้านนั่นเอง

ยุงลายบ้าน ภาพจาก wikipedia

ยุงลายบ้านเป็นสัตว์พาหะของโรค ได้แก่ โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิก้า และโรคชิคุนกุนยา ซึ่งเป็นโรคที่อาจเกิดอาการรุนแรงเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้ และมีการระบาดทางสถิติชัดเจนในช่วงหน้าฝน ซึ่งพวกเราสามารถตัดวงจรของพาหะได้ จากการเปลี่ยนพฤติกรรมของพวกเราเอง โดยในบทความนี้จะกล่าวถึงเครื่องมือที่เรียกว่า “3 เก็บ” หรือก็คือ

ภาพแสดงมาตรการ 3 เก็บ จากคลังข้อมูลสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข

1.เก็บบ้านให้สะอาด เช่น พับเก็บเสื้อผ้าใส่ในตู้หรือแขวนให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง

2.เก็บขยะที่อยู่บริเวณรอบบ้าน เก็บภาชนะใส่อาหารหรือน้ำดื่มที่ทิ้งไว้ใส่ถุงดำ และนำไปทิ้งลงถังขยะ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง

3.เก็บน้ำ ภาชนะที่ใส่น้ำเพื่ออุปโภคบริโภค ต้องปิดฝาให้มิดชิด ล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำ และเปลี่ยนน้ำในกระถางหรือแจกันทุกสัปดาห์

เพียงเท่านี้ก็สามารถตัดวงจรและลดโอกาสติดเชื้อ ให้ได้กับทั้งคนในบ้านและคนในชุมชนให้รอดพ้นจาก 3 โรคที่กล่าวไว้ข้างต้นได้

อ้างอิงข่าว : https://www.thaihealth.or.th/Content/53052-%E0%B9%80%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B6%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%203%20%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9A%20%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%203%20%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%20%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%20.html